SHARE
ART OF SLOW COFFEE

สัมผัสประสบการณ์กาแฟเนิบช้า กับ Bodum Pop Up Cafe ที่ Sansiri Lounge ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

SHARE


ไม่บ่อยนักที่เราจะมีโอกาสได้พบเจอคาเฟ่ที่ให้ความสำคัญกับการชงกาแฟในแนว Slow Coffee หรือการเสิร์ฟกาแฟที่ไม่ได้ใช้เครื่อง Espresso Machine นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าการชงแบบ Slow Coffee นั้น เหมาะกับการดื่มด่ำแบบไม่เร่งรีบ ผู้ดื่มมีเวลามากพอที่จะเฝ้ารอหรือรอคอยกระบวนการชงที่อนุญาตให้น้ำไหลผ่านทุกอณูของเมล็ดกาแฟอย่างเนิบช้า เพื่อรสชาติที่ชัดเจนและรสสัมผัสที่ครบถ้วนตามคุณสมบัติของเมล็ดกาแฟที่เลือกมาใช้



และครั้งนี้กับ BODUM Pop-Up Café at Sansiri Lounge ที่แสนสิริ และโบดัม (BODUM) พร้อมใจมาจับมือกัน เพื่อเสิร์ฟกาแฟไทยจากเมล็ดที่ผ่านการเลือกสรรมาแล้วอย่างดี กับ คาเฟ่ในรูปแบบที่เกิดขึ้นเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการดูแลจากทีมบาริสต้าของโบดัม ที่แสนสิริ เลาจน์ ชั้น 3 พารากอน เลาจน์ที่สร้างสรรค์มาอย่างดีพร้อม เพื่อโมงยามแห่งความสุขสงบเกินคำว่าพักผ่อนในวันยุ่งๆ ใจกลางเมืองของใครหลายๆ คน

ABOUT SANSIRI LOUNGE



ก่อนจะเข้าเรื่องของ  Art of Slow Coffee คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึง แสนสิริ เลาจน์ แห่งนี้ เพราะแน่นอนว่าบรรยากาศของสถานที่นับเป็นสุนทรียะอย่างหนึ่งในการดื่มด่ำกาแฟอย่างมีความสุข ซึ่งเลาจน์แห่งนี้ของแสนสิริ ก็ตอบโจทย์ครบทุกองค์ประกอบแห่งประสาทสัมผัสเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการตกแต่ง วัสดุที่เลือกใช้ การให้ความสำคัญกับ personal space ที่คำนึงถึงพื้นที่ส่วนตัวเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคำว่า “นาที” แห่งการพักผ่อน พูดไปก็นึกอิจฉาลูกบ้านของแสนสิริไป ที่มีเลาจน์แบบนี้ไว้ให้ใช้บริการในทุกช่วงเวลาอย่างสะดวกสบาย และครั้งนี้เมื่อแสนสิริ มาจับมือกับโบดัม ร่วมกันสร้างสรรค์ Pop Up Café แสนสิริก็ใจดี เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ฟรี เพื่อโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์กาแฟแบบ Slow Coffee โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกบ้านของแสนสิริแต่อย่างใด






ABOUT ART OF COFFEE BY BODUM



เมื่อพูดถึง Art of Slow Coffee หลายคนอาจไม่รู้ว่าก่อน โบดัม ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมากว่า 75 ปี นั้น เริ่มมีจำหน่ายเครื่องชงกาแฟแบบ Slow Coffee มาตั้งแต่ครั้งแรก โดยคุณ Peter Bodum ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 นั่นแปลว่า BODUM Pop-Up Café at Sansiri Lounge ครั้งนี้ ย่อมเชื่อมือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แถมยังมีคุณ Daniel Kvist บาริสต้าผู้เชี่ยวชาญการชงแบบ Slow Coffee บินตรงมาจากนิวยอร์ก เพื่อมาร่วมสร้างประสบการณ์การดื่มด่ำกาแฟผ่านการชงแบบ Slow Coffee ในแบบต่างๆ ที่ได้เตรียมมาเพื่อ BODUM Pop-Up Café at Sansiri Lounge โดยเฉพาะ



คุณแดเนียล เล่าให้กับ AWAY ฟังว่า สำหรับ BODUM Pop-Up Café at Sansiri Lounge ครั้งนี้ ทางโบดัมและแสนสิริตั้งใจที่จะให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสกับรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟไทย จึงได้เลือกสรรเมล็ดกาแฟไทยที่คั่วแล้ว ทั้งเมล็ดจากเชียงดาว (Medium , Dark) เมล็ดจากผาตั้ง (Medium Light) และเมล็ดจากห้วยตาก (Medium Light) ซึ่งอย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่าเมล็ดที่ผ่านการคั่วในระดับที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการคั่วอ่อน หรือคั่วเข้ม ล้วนให้รสชาติที่ต่างกัน และเหมาะกับการชงแต่ละวิธีเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณแดเนียลมาถึงเมืองไทย ก็ได้นำเมล็ดทั้งหมดมาทดลองผ่านการชงในวิถีแบบ Slow Coffee โดยเลือกชงด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป แล้วดูว่าเมล็ดไทยตัวไหนเหมาะกับการชงแบบไหนมากที่สุด



 

 

ซึ่งหลังจากได้ทดลองเมล็ดไทยที่ได้มาจาก 3 แหล่งปลูก กับการคั่วใน 4 คุณลักษณะแล้ว คุณแดเนียล ก็เลือกที่จะเสิร์ฟผ่านการชงแบบ Slow Coffee ด้วยการชงแบบ ไซฟอน (Siphon) แบบดริป หรือพัว โอเวอร์ (Pour Over) และแบบเฟรนช์เพรส (French Press) ซึ่งทุกวิธีล้วนเป็นเอกลักษณ์ของโบดัม ที่มีวัสดุและอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการเกื้อหนุนศาสตร์แห่งการชงของ Slow Coffee เพื่อดึงคุณรสของแต่ละเมล็ดกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคุณแดเนียลได้เล่าให้เล่าฟังว่าวัถุดิบต่างๆ ที่โบดัมเลือกใช้นั้น ผ่านการคิดและทดลองมาแล้วอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแก้วที่ใช้เนื้อเดียวกันกับแก้วที่ใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะต่อการเก็บรักษาอุณหภูมิของของเหลวที่บรรจุภายใน รวมถึงส่วนที่เป็นโลหะต่างๆ ก็ล้วนเป็นโลหะชนิดพิเศษที่เลือกสรรมาแล้วว่าไม่มีผลข้างเคียงต่ออุณหภูมิที่จะไปมีผลต่ออุณหภูมิของเนื้อแก้ว





และเมื่อเราถามว่ามีเหตุผลอะไรที่แก้วของโบดัมต้องเป็น 2 ชั้น หรือที่หลายๆ คนเรียกติดปากกันว่า Double Wall

คุณแดเนียลเราให้เราฟังว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการเป็นแก้วสองชั้นนั้น ช่วยให้ง่ายและสะดวกในการถือและจับ โดยแก้วจะไม่ร้อน ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง แต่ประโยชน์หลักๆ คือการรักษาอุณหภูมิภายในแก้วให้คงอยู่คงที่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะใส่เครื่องดื่มที่เป็นแบบร้อนหรือแบบเย็น อุณหภูมิของเครื่องดื่มจะค่อนข้างเสถียร โดยปุ่มที่ก้นแก้วนั้นเป็นตัวควบคุมระดับของอากาศที่อยู่ระหว่างความห่างของแก้วทั้ง 2 ชั้นนั่นเอง






นอกเหนือจากความพิถีพิถันและใส่ใจจากเรื่องราวทั้งหมดที่คุณแดเนียลเล่ามา ทางฝั่งแสนสิริเอง ก็ยังได้สร้างสรรค์ Chocolate Bar รสชาติพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อเสิร์ฟคู่กับกาแฟแต่ละแก้วโดยเฉพาะ เช่น Dark Chocolate, Orange Chocolate และ Mint Chocoalte Mint เป็นต้น ซึ่งทุกรสที่เลือกมานี้ ล้วนเหมาะสำหรับการเป็น Coffee Pairing ที่ดีเยี่ยมในการส่งเสริมรสชาติซึ่งกันและกัน

BODUM Pop-Up Café at Sansiri Lounge เปิดให้บริการแก่ครอบครัวแสนสิริ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. ระหว่างวันที่ 15-24 สิงหาคม พ.ศ. 2561 และสำหรับบุคคลทั่วไปในระหว่างวันที่ 20-24 สิงหาคมนี้ ที่ แสนสิริ เลาจน์ ชั้น 3 สยามพารากอน โดยทั้งหมดที่เล่ามานั้นสามรถใช้บริการได้ฟรีในวันและเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ 

RELATED