ใครๆ ก็รู้ว่าสาวสเปนนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความสวย แต่ที่สวยมากกว่าเห็นจะเป็นพระราชวังหลวง Royal Palace of Madrid หรือ The Palacio Real de Madrid ที่มากรุงมาดริดแล้ว ต้องมาเยือนให้ได้ ซึ่งพระราชวังหลวงแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้า Philip ที่ 5 แห่งราชวงศ์บูร์บง ในปี ค.ศ. 1735 โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน เป็นผู้ออกแบบ เน้นการผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างอิตาเลียนและฝรั่งเศส ภายในตกแต่งงดงามราวสรวงสรรค์ ทั้งแสงไฟจากแชนเดอร์เลียร์และภาพงานศิลปะที่สะกดสายตาแทบลืมกะพริบ รวมไปถึงห้องจัดแสดงเครื่องประดับ
อีกมากมาย แนะนำให้มาที่นี่ตั้งแต่เช้าๆ แล้วอย่าลืมตรวจสอบวันเวลาเปิดให้บริการล่วงหน้าก่อนที่ 
http://www.spain.info/en/conoce/monumentos/madrid/palacio_real.html 
เพราะแต่ละฤดูจะมีวันที่ปิดไม่ให้เข้าชมต่างกัน ไปแล้วจะได้ไม่ไปเก้อนะ

และที่พลาดไม่ได้คือบริเวณลานด้านข้างของพระราชวังหลวง จะมีบริการรับถ่ายภาพโบราณ ที่ถ่ายและอัดกันสดๆ เป็นภาพขาวดำแนวคลาสสิกที่หาได้ยากแล้วในทุกวันนี้ ซึ่งนอกจากจะได้ภาพสวยๆ แล้ว ยังเป็นการส่งเสริม
งานศิลปะจากศิลปินที่มีหัวใจอนุรักษ์ ที่คงเหลืออยู่ไม่มากนักในยุคนี้ 

จากพระราชวังหลวง เดินตรงมายังทางสถานี Sol ของรถไฟใต้ดิน เพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็จะเห็นความงดงาม
ของสถาปัตยกรรมอีกหนึ่งจุด คือ Plaza Mayor อาคารเก่าแก่กว่า 300 ปี ที่งดงามเกินคำบรรยาย หน้าอาคารเป็นลานกว้างซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่ ที่มีการต่อสู้กันระหว่างทหารนโบเลียนกับชาวบ้าน และยังเป็นสถานที่สำหรับจัดงานสำคัญต่างๆ ถ้ามีโอกาสแวะผ่านมาในย่านนี้ รับรองว่าจะได้ยลโฉมทั้งอาคารและสาวสวยประจำเมืองนี้จนชื่นฉ่ำหัวใจแน่ๆ

ไปบุกกันต่อที่แหล่งรวมคนทำงานสร้างสรรค์แห่งกรุงมาดริด ภายใต้ชื่อเก๋ๆ ว่า UTOPIC_US ที่แห่งนี้เป็นเสมือน Creative Showcase Gallery ที่เหล่าคนทำงานสร้างสรรค์มารวมตัวแล้วใช้พื้นที่ร่วมกันในการจัดแสดงผลงานและ Work Shop ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางนัดพบของเหล่าครีเอทีฟสุดเจ๋งระดับหัวกะทิ ใครที่ชื่นชอบงานครีเอตต้องไปให้ได้ ลองคลิกดูรายละเอียดกันได้ที่ http://www.utopicus.es/en ก่อนได้เลย

มาไกลถึงกรุงมาดริด ต้องไม่พลาดร้านช็อกโกแลตคาเฟ่ ที่พร้อมจะฆ่าเราให้ตายได้ตั้งแต่คำแรก โดยเฉพาะร้าน Chocolateria San Gines ที่เปิดมาตั้งแต่ ปี 1894 ร้านนี้เสิร์ฟช็อกโกแลตร้อนๆ พร้อมโดนัทแบบแท่ง Spanish doughnut หรือที่เรียกว่า Churro ขายแค่นี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ขายดีมากจนการันตีได้ว่าอร่อยจริง ร้านนี้หาไม่ยากจากลาน Plaza Mayor เดินออกมาทางด้านข้าง Tourism Information โผล่ออกมาเจอถนน ข้ามทางแยก ตรงมาอีกนิด รับรองว่าเห็นคนต่อคิวเข้าแถวกันเด่นชัดเลยทีเดียว หรือใครกลัวหลงหาไม่เจอ
คลิกไปดูลายแทงที่เว็บนี้ได้เลย www.chocolateriasangines.com

หมดของหวาน ก็มาร้านอาหารคู่บ้านคู่เมืองของกรุงมาดริดกันบ้าง ร้านที่เราพูดถึงคือ Botin ที่นิยามได้เลย
ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอาหาร ที่อร่อยล้ำตามต้นตำรับอาหารสเปนดั้งเดิม และการตกแต่งร้าน
ที่ได้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนทานข้าวบ้านญาติผู้ใหญ่ ที่เด็ดกว่านั้นคือร้านนี้บริการได้เยี่ยมยอดมากๆและใส่ใจ
ในทุกรายละเอียด ร้านนี้อยู่ย่านเดียวกันกับร้านช็อกโกแลตChocolateria San Ginesที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ 
ถ้ามากันหลายคน โทร.มาจองโต๊ะกันก่อนก็ดีไม่อย่างนั้นอาจได้ทานแห้วกันแน่ๆเบอร์โทร. และที่อยู่ของร้าน
ดูได้จากเว็บนี้เลย http://www.botin.es/?q=en/el_restaurante

ตลาดแรกคือ Frogs’ Market o El Mercado de las Ranas ซึ่งจะมีเฉพาะทุกเสาร์ต้นเดือนเท่านั้น 
ตั้งอยู่ในย่าน El Mercado de las Ranas ที่ตลาดนี้ เหล่าศิลปินจะรวบรวมสินค้าเก๋ๆ มากมาย
มาวางขายหน้าร้านในราคาแบบลดกระหน่ำ ตลาดนี้อยู่ระหว่าง Plaza Santa Ana และ Plaza de Neptuno
มาสะดวกโดยรถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Anton Martin หรือ Atocha ก็ได้ เปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงสามทุ่ม 

อีกที่คือตลาดนัดวันอาทิตย์ El Rastro หรือที่มีชื่อเต็มๆ ว่า El Rastro de Madrid ตลาดนี้มีทั้งของมือสอง และของใหม่ๆ สไตล์เก๋ ที่ราคาถูกจนน่าตกใจ และยังได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอีกด้วย แต่ต้องระวัง
โดนล้วงกระเป๋า เพราะที่นี่คนเยอะมาก แนะนำว่าควรรีบมาแต่เช้า โดยตลาดนี้เปิดตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันบ่ายสามโมง
และไม่ควรพกของมีค่าที่ไม่จำเป็นส่วนการเดินทางมาที่นี่ง่ายนิดเดียว มารถไฟใต้ดินสถานี La Latina ออกประตูทางใต้ เดินขึ้นมาก็เจอตลาดนัดพอดี หรือเดินตามฝูงชนไปเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะใครๆ ที่มาลงสถานีนี้ในวันนั้น
ส่วนใหญ่ก็มาตลาดนัดกันแหละ เดินตามเลย ไม่มีหลงแน่ๆ รับรอง 

ใครมีแพลนจะไปเที่ยวกรุงมาดริด อย่าลืมปักหมุด 7 จุดน่าเยี่ยมเยือนเหล่านี้ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตนักเดินทางคนเดิม ให้ได้พบและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าค้นหาและรอการค้นพบ กับความสุขรูปแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนชีวิตเราได้